โครงสร้างเครือข่าย EtherNet/IP
โครงสร้างเครือข่าย EtherNet/IP
EtherNet/IP (IP = Industrial Protocol) คือ โปรโตคอลที่ถูกสร้างขึ้นสำหรับการสื่อสารในภาคอุตสาหกรรมซึ่งใช้สถาปัตยกรรม Ethernet ทำให้สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ในโลกของ IT ได้ โดยสอดคล้องตามมาตรฐาน IEEE 802.3/TCP/UDP/IP ในที่นี้เราคงไม่กล่าวถึงรายละเอียดและที่มาที่ไปของ EtherNet/IP แต่เราจะกล่าวถึงวิธีการต่อใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ เช่น PLC Inverter และ Servo Driver ที่รองรับ EtherNet/IP โดยมีอยู่ด้วยกัน 3 รูปแบบ ดังนี้
แบบที่ 1 Device Level Ring (DLR)
การต่อถึงกันของอุปกรณ์ต่างๆจะมีลักษณะเป็นวงแหวนดังแสดงในรูปข้างล่างนี้ ที่จุดต่อของอุปกรณ์แต่ละตัวจะต้องเป็น Ethernet Switch ซึ่งควรเป็น Industrial Switch (Industrial Ethernet Switch) ตัวอย่างเช่น PLC ในรูปจะมีพอร์ต EtherNet/IP จำนวน 2 พอร์ต ซึ่งทั้ง 2 พอร์ตนี้ทำหน้าที่เป็น Switch ในตัว ส่วน HMI ในรูปจะมี EtherNet/IP เพียงพอร์ตเดียวจึงต้องต่อเข้ากับระบบผ่าน Ethernet Switch ซึ่งในรูปจะเป็น ETAB ของ Allen-Bradley ทำหน้าเป็น Switch
การต่อแบบ DLR จะสามารถต่อได้สูงสุด 50 โหนด และระยะทางระหว่างอุปกรณ์ไม่เกิน 100 เมตร DLR จัดเป็นโครงสร้างเครือข่ายแบบ Fault tolerance คือ มีคุณสมบัติที่ทำให้ระบบสามารถทำงานต่อไปได้แม้จะเกิดล้มเหลวขึ้น เช่น สายสื่อสารที่จุดใดจุดหนึ่งชำรุดระบบก็ยังทำงานได้อย่างต่อเนื่อง
แบบที่ 2 Linear
การต่อแบบ Linear จะสามารถต่อได้สูงสุด 50 โหนด และระยะทางระหว่างโหนดไม่เกิน 100 เมตร การต่อแบบนี้ทำได้ง่ายและค่าใช้จ่ายต่ำกว่าแบบ DLR ไม่จำเป็นต้องใช้ซอฟต์แวร์ตั้งค่าใดๆ แต่การต่อแบบนี้มีข้อเสียตรงที่ ถ้ามีอุปกรณ์หรือสายสื่อสารที่ใดที่หนึ่งทำงานล้มเหลวจะทำให้อุปกรณ์ที่อยู่ในลำดับถัดไม่สามารถทำงานได้
แบบที่ 3 Star
การต่อแบบ Star สามารถใช้กับอุปกรณ์ที่มี Switch ในตัวหรือไม่มีก็ได้ การเพิ่มหรือถอดอุปกรณ์ออกจากระบบจะไม่มีผลกับการทำงานของอุปกรณ์ตัวอื่นๆ สามารถต่อผสมผสานกับแบบ Linear ได้ เพื่อใช้ประโยชน์พอร์ตของ Switch ได้สูงสุดและประหยัดค่าใช้จ่าย
การเกิดความล้มเหลวของสายสื่อสารของอุปกรณ์ตัวใดตัวหนึ่งจะไม่มีผลกระทบกับอุปกรณ์ตัวอื่นๆ แต่อุปกรณ์ตัวนั้นจะไม่สามารถใช้งานได้เพียงตัวเดียวเท่านั้น
การเลือกรูปแบบโครงสร้างเครือข่ายว่าจะเป็นแบบไหนนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการของระบบว่ามีความสำคัญมากน้อยขนาดไหน ถ้าสำคัญมากการใช้แบบ DLR น่าจะเหมาะสม ในบางกรณีถ้าระบบมีความซับซ้อนมากขึ้นเราสามารถใช้วิธีการต่อทั้งแบบ DLR, Linear และ Star ผสมกันเพื่อให้เหมาะกับความต้องการใช้งานได้